ขั้นตอนการทำครัวบิ้วอิน Kitchenform
ห้องครัว ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญภายในบ้าน ที่ทุกบ้านนั้นขาดไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นอู้ข้าวอู้น้ำ ที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตคนในบ้านให้อยู่รอด ก็ว่าได้ครับ เพราะฉะนั้น การที่เราจะต่อเติมและตกแต่งชุดครัวบิ้วอินนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญ เกี่ยวกับ ”ขั้นตอนการทำครัวบิ้วอิน Kitchenform” เป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งงานออกแบบตกแต่งภายในที่ต้องใช้ ความชำนาน ละเอียด และความรอบครอบเป็นอย่างสูงเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้น วันนี้ทาง Kitchenform จะมาบอกแนวทางหลักๆ ในการทำ ชุดครัวบิ้วอิน สำหรับท่านที่กำลังจะเริ่มทำชุดครัว ให้ได้รู้ถึงขั้นตอนหลักๆ ตั้งแต่การเลือกรูปแบบ, เลือกวัสดุ, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ฟิตติ้งที่สำคัญ เพื่อให้ชุดครัวของทุกท่านนั้นออกมาเนี๊ยบ สวยงาม และถูกใจมากที่สุด
โดยทั่วไป สิ่งที่เราจะต้องเริ่มต้นคำนึงเป็นอย่างแรกเลย นั้นก็คือ
วัตถุประสงค์ในการใช้งานครัว
ถือได้ว่าเป็นสิ่งแรกที่เราต้องคำนึงถึง เพื่อที่เราจะสามารถกำหนด แนวทาง ของชุดครัวของเราให้ออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด และที่สำคัญ สิ่งนี้จะช่วยให้เราคำนวณงบประมาณของเราได้ดี งบไม่บานปลายอีกด้วยเอาล่ะครับ สิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกเลย นั้นก็คือ
- เราอยากได้ครัวไทยหรือครัวฝรั่ง หรือว่ากันง่ายๆ นั้นก็คือ ครัวที่ไว้สำหรับประกอบอาหารหนักๆ ทำอาหารจำพวก ผัด ทอด น้ำมันเดือดๆ หรือ ครัวฝรั่ง ที่เน้น ไปในเรื่องของความสวยงาม ทำอาหารไม่บ่อยนัก อาหารส่วนใหญ่จะเป็นจำพวก อาหารเบาๆ อย่าง ต้ม ทอดแบบง่ายๆ เป็นต้น
- จำนวนคนภายในบ้าน ข้อนี้ จะช่วยกำหนดว่า ครัวของเรานั้น ควรจะใช้เป็นครัวเล็ก กลาง หรือใหญ่ หรือถ้ามีพื้นที่เล็กอยู่แล้ว ก็จะช่วยกำหนดในเรื่องการออกแบบและดีไซน์ของชุดครัวได้ ไปจนถึงว่าสิ่งไหนจำเป็นสิ่งไหนไม่จำเป็น หรือแม้กระทั้งการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้า
เมื่อเรารู้ถึงจุดประสงค์และความต้องการของเราแล้ว หลังจากนั้น เราจะมาเริ่มเข้าสู่ ขั้นตอนการทำชุดครัวบิ้วอิน กันเลยครับ โดยขั้นตอนหลักๆ ในการเป็นเจ้าของชุดครัวบิ้วอิน กันน้ำกันปลวก ของ Kitchenform นั้น จะมีอยู่ 7 ขั้นตอนด้วยกันนั้นก็คือ
- – เลือกรูปแบบ
- – เลือกสีสันและสไตล์ของหน้าบาน
- – เลือกท็อปเคาน์เตอร์
- – เลือกผนังกันคราบ
- – เลือกมือจับ
- – เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอ่างล้างจาน
- – เลือกอุปกรณ์เสริมภายในตู้
ขั้นตอนที่ 1 เลือกรูปแบบ
จริงๆ ขั้นตอนนี้จะเชื่อมโยงมาจาก วัตถุประสงค์ในการใช้งานครัว ที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นของแต่ละท่านครับ ขั้นตอนนี้เราจะต้องคำนึงถึงปัจจัย 2 อย่างหลักๆ นั้นก็คือ วัตถุประสงค์ในการงาน และ ขนาดพื้นที่ ว่าเพียงพอต่อรูปแบบนั้นๆ ไหม จากนั้นเรามาดูกันครับว่า รูปแบบของชุดครัว จะมีลักษณะไหนบ้าง
รูปแบบ I Shape (ชุดครัวตัวไอ)
รูปแบบนี้จะเป็นรูปแบบที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถทำได้ทั้งพื้นขนาดเล็กไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ เน้นการใช้งานที่คล่องตัว ไม่อึดอัด เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกตั้ง 2 – 5 คน
รูปแบบ L Shape (ชุดครัวตัวแอล)
รูปแบบนี้ จะมีความครอบคลุมขึ้นมาสักหน่อย เป็นรูปแบบที่ให้ความรู้สึกทะมัดทะแมง หยิบจับสะดวก และสามารถจัดสรร Work Space หรือพื้นที่ทำครัวได้เป็นสัดเป็นส่วนมากกว่า สามารถทำได้ตั้งแต่พื้นที่ขนาดเล็กไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกตั้งแต่ 2 – 5 คน ขึ้นไป
รูปแบบ U Shape (ชุดครัวตัวยู)
ชุดครัวตัวยู เป็นรูปแบบชุดครัวที่เหมาะสำหรับห้องครัวที่มีพื้นที่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ เป็นรูปแบบที่เน้นในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน จัดสรรพื้นที่ทำครัวได้ดีและสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเตรียม หรือจะเป็นที่สำหรับรับประทานอาหารก็ย่อมได้ รูปแบบนี้ U Shape นี้จะเหมาะกับครอบครัวที่สมาชิกตั้งแต่ 2 – 6 ขึ้นไป ตามขนาดพื้นที่ ไม่เหมาะในการทำในพื้นที่ขนาดเล็ก เพราะจะให้พื้นที่ทำครัวนั้นแคบและอึดอัดจนเกินไป
รูปแบบ Island (ไอแลนด์)
รูปแบบนี้ถือได้ว่าเป็นรูปแบบที่มีความอลังการและมีความหรูหราเป็นที่สุด เป็นรูปแบบที่เน้นการใช้งานด้านครัวแบบปาร์ตี้สังสรรค์ โดยจะมีเคาน์เตอร์ครัวที่เป็นพื้นที่ประกอบอาหาร สามารถทำได้ทั้ง รูปแบบ I Shape และ L Shape และ บริเวณกลางห้องครัวจะมี โต๊ะไอแลนด์ (Island) อยู่ตรงกลาง เพื่อเป็นพื้นที่จัดเตรียม รับประทาน หรือเป็นจุดรวมตัวสังสรรค์ก็ย่อมได้ รูปแบบครัว Island นี้ เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ มีสมาชิกในครอบครัวตั้งแต่ 4-8 คน ขึ้นไป
ขั้นตอนที่ 2 เลือกสีสันและสไตล์ของหน้าบาน
เมื่อเราได้รูปแบบที่เราต้องการเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเราก็ต้องมาเลือกสีสันและลวดลายหรือสไตล์ของหน้าบาน ซึ่งจะเป็นหน้าเป็นตา ให้กับชุดครัวของเราได้เป็นอย่างดี จุดสำคัญของขั้นตอนนี้ ก็คือความชอบส่วนบุคคล ซึ่งแน่นอนครับว่าแต่ละครอบครัวมีความชอบและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน เอาล่ะครับ เมื่อเรารู้ไลฟ์สไตล์ของตัวเองแล้ว เรามาเลือกกันเลย
สไตล์หน้าบาน
รูปแบบและสไตล์ของหน้าบาน เป็นสิ่งที่จะช่วยชูสไตล์ของชุดครัวนั้นๆ ให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสไตล์คลาสสิก โมเดิร์น หรือวินเทจ สไตล์หน้าบานจะช่วยชูจุดเด่นนั้นๆ ออกมาได้เป็นอย่างดี
และนี้ก็คือ รูปแบบและสไตล์ของหน้าบาน Kitchenform
สีสัน
สีสันของชุดครัว มีให้เลือกหลากหลาย ตามแต่ไลฟ์สไตล์ของชุดครัวนั้นๆ ตั้งแต่ ลวดลายลามิเนต ลายไม้ สีพ่น และ สีเงาไฮกรอส
ขั้นตอนที่ 3 เลือกท็อปเคาน์เตอร์
ท็อปเคาน์เตอร์ ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนที่เราจะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากหินแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป
หินสังเคราะห์ (Artifical Stone)
หินสังเคราะห์ เป็นหินที่ผลิตขึ้นมาเพื่อทดแทนหินธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการทนต่อรอบขีดข่วนได้ดี เนื้อหินมีความแข็งแรง ทนความร้อน ไม่ซึมน้ำ ทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะสำหรับชุดครัวที่เน้นในเรื่องของการประกอบอาหารเป็นหลัก
หินแกรนิต (Granite)
หินแกรนิต เป็นหินประเภท หินธรรมชาติ ที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุต่างอยู่มากมาย โดยจุดเด่นของหินชนิดนี้จะอยู่ที่ ลวดลาย ที่มีความเป็นเอกลักษณ์สวยงาม หินแกรนิต จะมีความแข็งแรง เนื้อแข็ง ทนรอยขีดข่วนได้ดี และมีราคาค่อนข้างถูก แต่ข้อเสียคือ หินแกรนิตสามารถซึมน้ำได้เล็กน้อย เนื่องจากเนื้อหินจะมีรูพรุนเล็กๆ ทำให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับชุดครัวที่เน้นในเรื่องของการทำครัวและประกอบอาหารเป็นหลัก
หินอ่อน (Marble)
หินอ่อน จัดได้ว่าเป็นที่มีความสวยงามอันดับต้นๆ เป็นหินประเภท หินธรรมชาติ ที่มีลวดลายที่สวยงาม ให้ความรู้สึกนุ่มนวล และหรูหรา และมีราคาที่ค่อนข้างแพง แต่ต่อให้มีความสวยงามแค่ไหน ก็ต้องยอมรับเลยว่าตัวหินอ่อนนั้น มีความอ่อนไหวในระดับหนึ่งเลยล่ะครับ จึงไม่เหมาะกับการนำไปทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวหนัก อย่างเช่น ครัวไทย แต่จะเหมาะกับการใช้เป็นท็อปเคาน์เตอร์ ไอแลนด์ หรือครัวที่ไว้สำหรับโชว์สะมากกว่า
หินควอทซ์ (Quartz)
หินควอทซ์ จัดได้ว่าเป็นหินที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เนื่องด้วยเจ้า หินควอทซ์ นี้เป็นหินประเภท หินสังเคราะห์ ที่มีความสวยงามและมีลวดลายมากกว่า หินสังเคราะห์ธรรมดา แถมยังมีความแข็งแรงมากกว่า ทนรอยขีดข่วนได้ดีกว่า และมีราคาสูงกว่าหินสังเคราะห์เพียงนิดเดียว หินควอทซ์ จะเหมาะสำหรับชุดครัวที่เน้นการทำครัวและประกอบอาหารเป็นหลัก
ขั้นตอนที่ 4 เลือกผนังกันคราบ
ผนังกันคราบ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการทำครัวบิ้วอิน เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอีกหนึ่งส่วนที่จะช่วยเพิ่มความสวยงาม และช่วยเติมเต็มสไตล์ของชุดครัวให้ออกมาดูดี ดั่งใจหวังเลยทีเดียว ผนังกันคราบ มีให้เลือกถึง 5 แบบด้วยกัน ได้แก่
ผนังกันคราบแบบกระจกพ่นสี
ผนังกันคราบชนิดนี้ เป็นผนังกันคราบที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากความสวยงามและสามารถเลือกโทนสีของกระจกได้ทุกเฉดสี สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก นิยมปิดบริเวณพื้นที่ทำอาหาร เช่น เตาแก๊ส หรือ ตลอดแนวผนัง
ผนังกันคราบแบบกระเบื้อง
ผนังกันคราบแบบกระเบื้อง เป็นผนังกันคราบที่มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถบ่งบอกได้ถึงสไตล์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น สไตล์คลาสสิก วินเทจ โมเดิร์น หรือ สไตล์หรู (Luxury) แต่ก็มีข้อควรระวัง นั้นก็คือ ความสกปรก ที่เมื่อโดนคราบสกปรกแล้วควรที่จะต้องเช็ดออกทันที ไม่เช่นนั้น คราบต่างๆ อาจจะลงไปฝั่งอยู่ตามร่องยาแนวจนเช็ดไม่ออกเลยล่ะครับ
ผนังกันคราบแบบโมเสค
ผนังกันคราบแบบโมเสค ซึ่งเป็นผนังกันคราบที่พบไม่ค่อยบ่อยนัก เนื่องด้วยลวดลายและโทนสีที่ดูฉูดฉาดอาจจะไม่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนส่วนใหญ่เท่าไหร่นัก แต่ด้วยลวดลายและโทนสีที่มีความโดดเด่นและมีความเป็นตัวเองสูง ก็ทำให้ผู้คนที่ชื่นชอบเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ หลงรักผนังกันคราบโมเสคไม่น้อยเลยทีเดียว
ผนังกันคราบหินอ่อน
ผนังกันคราบแบบหินอ่อน นิยมเป็นอย่างมากสำหรับชุดครัวที่เน้นในเรื่องของความหรูหรา ด้วยลวดลายที่อ่อนนุ่มเป็นเอกลักษณ์ สวยงาม และโดดเด่น ซึ่งจะช่วยเสริมให้ชุดครัวโชว์ของเรานั้นดู งดงาม น่าสัมผัส แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในสวนของครัวหนักนะครับ อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า หินอ่อน เป็นหินที่อ่อนไหวง่าย ถ้าโดนความร้อน หรือคราบสกปรกมากๆ อาจจะทำให้ ตัวหินอ่อนนั้นหมองลงไปได้ทันตาเห็นเลยล่ะครับ
ผนังกันคราบหินแกรนิต
หลายๆคนทีชื่นชอบในหินแกรนิต ก็จะนิยมในการนำหินแกรนิตมาตกแต่งเป็นผนังกันคราบเผื่อให้มันเชื่อมกับหน้าท็อปไปเลย เพื่อความสวยงาม และเนียนตา ทำให้ชุดครัวดูหรูหราและสวยงาม และแน่นอนว่าต้องชุดครัวที่ไว้สำหรับโชว์หรือประกอบอาหารเบาๆ เท่านั้น ไม่แนะนำในครัวร้อนหรือครัวไทย
ขั้นตอนที่ 5 เลือกมือจับ
มือจับ มีให้เลือกสรรกันอย่างมากมายหลายแบบ ตามแต่สไตล์ที่แต่ละท่านได้กำหนดไว้ ซึ่งมือจับนี้จะเป็นส่วนที่ช่วยให้เราสะดวกสบายในการ เปิด-ปิด หน้าบาน ช่วยเสริมความสวยงามให้กับหน้าบานและสไตล์ที่โดดเด่น มือจับโดยทั่วไปนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
มือจับแบบในตัว (Kitchenform)
มือจับแบบโปรไฟล์
มือจับแบบโชว์
ขั้นตอนที่ 6 เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอ่างล้างจาน
ชุดครัวที่ดี ควรจะมีความครบครันในเรื่องของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อความครอบคลุมในการประกอบอาหาร และควรจัดสรรแบ่งส่วนให้แยกจากกันระหว่าง โซนร้อนและโซนเย็น หรือก็คือ เตาแก๊สควรจะแยกออกจากอ่างล้างจาน เตาอบไม่ควรอยู่ชิดกับตู้เย็น เป็นต้น อ่างล้างจาน ควรเลือกให้พอดีกับภาชนะที่เราจะล้างในละวัน
ขั้นตอนที่ 7 เลือกอุปกรณ์เสริมภายในตู้
อุปกรณ์เสริมภายในตู้ หรืออุปกรณ์ฟิตติ้ง (Fitting) ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้การหยิบจับหรือจัดเก็บภาชนะ และขวดเครื่องปรุง ต่างๆนั้น ทำได้อย่างสะดวกสบาย เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมให้พื้นที่ภายในตู้ครัวนั้นไม่เสียเปล่า
และนี้ก็คือ “ขั้นตอนการทำครัวบิ้วอิน Kitchenform” ซึ่งเป็น 7 ขั้นตอนหลักๆ ที่ทุกท่านต้องตระเตรียมและคำนวณทุกอย่างไว้ เพื่อความรวดเร็วในการเข้าวัดพื้นที่และการทำแบบ 3D และเพื่อให้ได้ชุดครัวที่ตรงกับใจลูกค้ามากที่สุด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทาง Kitchenform จะได้รังสรรค์ชุดครัวสวยๆ ให้กับทุกท่านนะครับ
อ่านบทความสาระน่ารู้เกี่ยวกับ ครัวบิ้วอิน เพิ่มเติม >> คลิก
สนใจสั่งซื้อ หรือ สั่งทำ ชุดครัวบิ้วอิน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม