เทคนิคการปูกระเบื้องในแบบมืออาชีพ ที่เกิดปัญหาน้อยที่สุด
ถ้าพูดถึงอีกหนึ่งปัญหาที่เรามักจะพบเจอในการทำครัว การต่อเติมห้องครัวหรือการทำบ้าน ก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องการปูกระเบื้องพื้นห้อง และกระเบื้องผนัง ที่หลายๆ เคสมักจะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาไม่ว่าจะเป็น เกิดการแตกของพื้นกระเบื้อง, เคาะแล้วเสียงไม่แน่น เป็นโพรง, กระเบื้องไม่ได้ระดับ, ร่องยาแนวไม่สวย, ไปจนถึงการเกิดสภาวะกระเบื้องระเบิด เป็นเหตุให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมตามมา พาเอาเราเซ็งกันไปเป็นแทบๆ ดังนั้นวันนี้ทาง คิทเช่นฟอร์ม จะขอนำเสนอ “เทคนิคการปูกระเบื้องในแบบมืออาชีพ ที่เกิดปัญหาน้อยที่สุด” เพื่อเป็นความรู้ให้แก่เจ้าของบ้านและช่างผู้รับเหมา ได้นำไปใช้ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
วิธีการปูกระเบื้องโดยทั่วไปนั้นจะมีด้วยกันอยู่ 3 วิธี หลักๆ ครับ ได้แก่ 1. การปูสด หรือการใช้ปูนทราย 2. การปูแบบซาลาเปา และ 3. การปูแบบใช้ปูนกาว ซึ่งเราจะตัด 2 วิธีแรกทิ้งไปเนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ได้มาตรฐานและเป็นวิธีที่มักจะเกิดปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นได้ง่าย
วิธีที่เราอยากแนะนำให้ใช้นั้นก็คือ วิธีที่ 3 ครับ คือการใช้ปูนกาว ซึ่งปัจจุบันนี้ปูนซีเมนต์โดยทั่วไปที่ใช้ในงาน ฉาบ งานก่อ ทั่วๆ ไปนั้น จะไม่ได้เหมาะสำหรับการนำมาปูกระเบื้อง ด้วยส่วนผสมต่างๆ ทำให้การยึดเกาะทำได้ไม่ดี แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาปูนที่ใช้สำหรับการปูกระเบื้อง ซึ่งก็คือปูนกาว ที่มีส่วนผสมและคุณสมบัติในการยึดเกาะที่ดีกว่า ดังนั้นการปูกระเบื้องแบบใช้ปูนกาวนั้นจึงเหมาะสมมากที่สุด
เทคนิคการปูกระเบื้องที่เหมาะสม
เอาล่ะครับ เรามาดูวิธีการและเทคนิคการปูกระเบื้องที่เหมาะสมและถูกต้องกันดีกว่าครับ อย่างแรกเราต้องมีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับงานกระเบื้อง นั้นก็คือ
1.เกรียงหวี
เกรียงหวี คือตัวที่ใช้ในการเกลี่ยหน้าปูนให้ได้ระดับและเป็นร่อน บริเวณขอบจะมีซี่ฟัน มีด้วยกัน 3 ขนาด ได้แก่
- ขนาด 5×10 มล. ใช้สำหรับปูกระเบื้องขนาดเล็ก, กระเบื้องโมเสค, กระเบื้องผนัง
- ขนาด 6×6 มล. ใช้สำหรับกระเบื้องเซรามิค กระเบื้องพื้น ขนาดตั้งแต่ 10×10 ซม. และไม่เกิน 40×40 ซม.
- ขนาด 10×10 มล. ใช้สำหรับกระเบื้องขนาดใหญ่ อย่าง กระเบื้องแกรนิตโต้ หินแกรนิต และหินอ่อน
2.เกรียงใบโพธิ์
ใช้สำหรับตักปูน
3.ถังผสมปูน
4.สว่านไฟฟ้าและหัวปั่น
ใช้สำหรับผสม ส่วนผสมของปูนกาวให้เข้ากัน
5.ตัวดูดกระจก, กระเบื้อง
ไว้สำหรับจับกระเบื้อง
6.แปรงสลัดน้ำ
เอาไว้พรมน้ำทำความสะอาดหน้างานก่อนการปูกระเบื้อง
7.ค้อนยาง
8.Spacers หรือตัวเว้นระยะและปรับระดับ
ไว้สำหรับวางระหว่างร่องกระเบื้องให้เสมอกัน และลงยาแนวได้อย่างสวยงาม
ขั้นตอนการปูกระเบื้อง
ขั้นตอนที่ 1 เคลียร์หน้างานให้มีพื้นผิวที่เรียบ ขจัดเศษปูนออกให้หมด จากนั้นใช้แปรงสะบัดน้ำพรมให้ทั่วแล้วขัดทำความสะอาด และรอจนพื้นผิวแห้งสนิท
ขั้นตอนที่ 2 ระหว่างที่รอพื้นแห้ง ให้นำแผ่นกระเบื้องมาทำความสะอาดด้วยฝองน้ำชุบน้ำแล้วเช็ดให้ทั่วจากนั้นนำไปพึ่งให้แห้ง *ข้อควรระวัง ห้ามนำกระเบื้องไปชุบน้ำหรือฉีดน้ำล้าง เพราะจะทำให้กระเบื้องยึดติดตั้งกับกาวซีเมนต์ได้ไม่เต็มที่
ขั้นตอนที่ 3 นำปูนกาวมาผสมในอัตราส่วนที่เหมาะสมในถังผสม แล้วใช้สว่านไฟฟ้าและหัวปั่นมาปั่นปูนกาวให้เป็นเนื้อเดียวกันหรือประมาณ 3-4 นาที *ข้อควรระวัง เมื่อผสมเสร็จให้ใช้ปูนกาวให้หมดภายใน 45 นาที และไม่ควรเติมน้ำลงระหว่างทำงาน เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของปูนกาวลดลง
ขั้นตอนที่ 4 นำปูนกาวที่ผสมแล้ว ตักด้วยเกรียงใบโพธิ์ลงในบริเวณพื้นที่ที่เราจะวางกระเบื้อง จากนั้นใช้ เกรียงหวี ตามขนาด เกลี่ยให้ทั่วในลักษณะแนวยาวให้สม่ำเสมอ และนำปูนกาวไปทาลงบนกระเบื้องบางๆ เพื่อให้กระเบื้องจับกับปูนกาวได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดร่องอากาศหรือโพร่งอากาศ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของ สาเหตุกระเบื้องแตก ร้าว หรือกระเบื้องระเบิด
ขั้นตอนที่ 5 ใช้ตัวจับกระจก จับกระเบื้องแล้วนำไปวางให้เสมอกับร่องของเกรียงหวี ขยับไล่โพร่งอากาศ แล้วใช้ค้อนยางเคาะเบาๆ ทั่วทั้งแผ่น จากนั้นให้ใช้ตัว Spacers วางเว้นระยะร่องยาแนวให้มีเสมอกัน ทำแบบนี้ไปจนเสร็จ จากนั้นให้ทำความสะอาดร่องยาแนวให้เรียบร้อย ขจัดเศษผง เศษฝุ่นซีเมนต์ต่างๆออกให้หมด แล้วค่อยลงยาแนวก็เป็นอันเสร็จ
และนี้ก็คืออุปกรณ์และ “เทคนิคการปูกระเบื้องในแบบมืออาชีพ ที่เกิดปัญหาน้อยที่สุด” ที่ช่างกระเบื้องมืออาชีพหลายๆ ท่านใช้กัน เป็นวิธีที่ทำให้งานกระเบื้องออกมาสวย เรียบร้อย และเกิดปัญหาที่ตามมาน้อยที่สุด ใน 3 วิธีปูกระเบื้องหลักๆ ที่ผมได้กล่าวไปเมื่อข้างต้นนั้นเอง อย่างไรก็ดี เมื่อเรารู้วิธีแล้วเราก็ต้องเลือกช่างปูกระเบื้องที่มีฝีมือและมีประสบการณ์ เพื่อให้ได้งานที่เฟอร์เฟค นั้นเองล่ะครับ
อ่านบทความสาระน่ารู้เกี่ยวกับ ครัวบิ้วอิน เพิ่มเติม >> คลิก
สนใจสั่งซื้อ หรือ สั่งทำ ชุดครัวบิ้วอิน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม