หน้าบานเมมเบรน vs หน้าบานพ่นสี แตกต่างกันอย่างไร
วันนี้ทาง Kitchenform จะพาทุกท่านมาดูข้อแตกต่างของการทำสีหน้าบานระหว่าง หน้าบานเมมเบรน vs หน้าบานพ่นสี ว่าทั้ง 2 แบบนี้ แตกต่างกันอย่างไรและมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันอย่างไร
เนื่องจากหลายๆท่าน ยังมีความชั่งใจอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับการเลือกใช้วิธีการทำสีหน้าบาน ให้ออกมาสวยงาม สีไม่ดรอปเมื่อใช้ไปนานๆ และเกิด defect น้อยที่สุด ซึ่งในปัจจุบัน วิธีการทำสีหน้าบานหลักๆนั้น จะมีอยู่ 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่ การปิดผิวลามิเนต, การพ่นสี, และการหุ้มสีหรือการเมมเบรน (Membrane) และวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกันนั้นก็คือ การพ่นสีและการทำเมมเบรน นั้นเอง เราไปดูกันครับว่าทั้ง 2 วิธีนี้ แตกต่างกันอย่างไร
หน้าบานพ่นสี
หน้าบานแบบพ่นสี ถือเป็นเทคนิคการทำสีหน้าบานที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เป็นเทคนิคที่ต้องใช้ประสบการณ์ของช่างสีในการทำสีพอสมควรเลยล่ะครับ ซึ่งจุดเด่นของเทคนิคนี้ เราจะได้หน้าบานที่มีเนื้อสีที่เรียบเนียน สม่ำเสมอ และไม่มีรอยต่อของสี และใช้เวลาในการทำไม่นาน เทคนิคนี้เราสามารถเลือกประเภทของสีได้ทั้งแบบสีพ่นด้าน (Matt Color) และ สีพ่นไฮกรอส (Hi-Gross) และสามารถเลือกเฉดสีได้มากถึง 10,000 เฉดสีเลยทีเดียว
ส่วนข้อเสียของการใช้สีพ่นหลักๆ เลยนั้น ก็จะเป็นในเรื่องของ กลิ่นสี ที่จะมีมารบกวนอยู่ในช่วงแรกๆ ไม่ทนต่อแรงกระแทกรุนแรง และอาจเกิดรอยขนแมวในกรณีของสีพ่นไฮกรอส และไม่ทนต่อกรดด่างต่างๆ
ข้อแนะนำ
พยายามทำความสะอาดทันทีหลังจากโดนสิ่งสกปรกหรือรอยเปื้อนต่างๆ ไม่เช็ดหน้าบานด้วยผ้าขนหนูแห้ง เพราะจะทำให้เกิดรอยขนแมวได้ง่าย แนะนำให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำบิดหมาดๆ ในการเช็ดทำความสะอาด และพยามเลือกบริษัทผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์
หน้าบานเมมเบรน (Membrane)
อีกหนึ่งนวัตกรรมของการทำสีที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ กับการทำสีหน้าบานด้วยระบบเมมเบรน ซึ่ง เป็นการทำสีวิธีเดียวที่ใช้เครื่องจักรมาเป็นส่วนสำคัญในการทำสีหน้าบาน โดยการใช้ระบบสุญญากาศในการดูดแผ่นฟิล์ม PVC ให้ติดเข้ารูปกับแผ่นหน้าบาน โดยใช้อุณหภูมิความร้อนอยู่ที่ 125 องศา ในเวลาในการผลิตประมาณ 2-3 นาที เทคนิคนี้ เราจะได้แผ่นหน้าบานที่มีเนื้อสีที่เรียบเนียนมากกว่าสีพ่นถึง 2 เท่า ได้โทนสีที่สม่ำเสมอ ไร้รอยต่อของสี เนื่อจากเป็นแผ่น PVC ทั้งแผ่นมาหุ้มหน้าบาน สามารถหุ้มได้ทั้งหน้าบานแบบเรียบและแบบเซาะร่อง ซึ่งในแบบเซาะร่องก็จะได้เนื้อสีที่ลงร่องแบบเนียนๆ เลยล่ะครับ และที่สำคัญ วิธีนี้จะไม่มีกลิ่นสีแบบ 100 % เลยทีเดียว
ซึ่งการหุ้มสีด้วยระบบเมมเบรนนี้ เราสามารถเลือกประเภทของสีได้ทั้ง สีแบบด้านและสีแบบไฮกรอส เหมือนกับสีพ่นเลยล่ะครับ แต่การเลือกเฉดสีนั้นอาจจะไม่เท่ากับของสีพ่นนะครับ แต่จะเพิ่มในส่วนของลวดลายเข้ามาแทน อย่างการหุ้มหน้าบานลายไม้ต่างๆ แต่จะมีข้อเสียอยู่บ้างครับ นั้นก็คือ เมื่อหน้าบานเมมเบรนเกิดความเสียหาย หรือเกิดชำรุดระหว่างติดตั้ง หรือเกิดรอยขีดข่วน ต่างๆ จะต้องสั่งผลิตใหม่ทั้งหน้าบาน ไม่สามารถแต้มสีเก็บรอย defect เองได้ ซึ่งก็จะทำให้การติดตั้งเกิดความล้าช้า ถ้าเทียบการใช้สีพ่นที่เมื่อเกิดปัญหาก็จะสามารถแต้มสีเก็บงานได้ง่ายกว่า
ข้อแนะนำ
แม้ว่าหน้าบานเมมเบรน จะสามารถทนรอยขีดข่วนได้มากกว่าแบบสีพ่น แต่ก็ไม่ควรที่จะโดนกระแทกแบบแรงๆ เช่นเดียวกัน และไม่ควรเช็ดหน้าบานด้วยผ้าขนหนูแห้งเพราะจะทำให้เกิดรอยขนแมวได้ง่ายในกรณีที่หน้าบานเป็นสีเงา และพยายามทำความสะอาดทันทีหลังจากโดนสิ่งสกปรก
ซึ่งถ้าจะให้ทางเราแนะนำล่ะก็ หน้าบานแบบเมมเบรนดูจะมีภาษีที่ดีกว่าเป็นอย่างมากเลยล่ะครับ ถ้าสำหรับท่านที่ต้องการโทนสีที่ดูเนียน สม่ำเสมอ หรืออยากได้งานลายไม้ที่ไม่ต้องเก็บขอบ ดูแลรักษาง่าย ไม่มีกลิ่นสีหลังจากงานเสร็จแล้ว และต้องการงานชุดเฟอร์ที่มีความพรีเมียม งานสีเมมบรนนี้น่าจะตอบโจทย์ของใครหลายๆ คนได้อย่างมากเลยล่ะครับ และหวังว่า “หน้าบานเมมเบรน vs หน้าบานพ่นสี แตกต่างกันอย่างไร” บทความนี้ น่าจะพอเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่านที่กำลังลังเลอยู่ไม่มากก็น้อยนะครับ
อ่านบทความสาระน่ารู้เกี่ยวกับ ครัวบิ้วอิน เพิ่มเติม >> คลิก
สนใจสั่งซื้อ หรือ สั่งทำ ชุดครัวบิ้วอิน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม